อบจ.นราธิวาส ตั้งจุดบริการน้ำดื่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับญาติและผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์

 

อบจ.นราธิวาส ตั้งจุดบริการน้ำดื่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับญาติและผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ 


วันนี้ (11 มิ.ย. 65) นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายสาราหุดิน อาบู ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส และคณะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนบุคลากร เจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ร่วมกันตั้งจุดบริการน้ำดื่มให้แก่ญาติและผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2565 ซึ่งเดินทางจากท่าอากาศยานนราธิวาส ด้วยสายการบินไทย ไปยังนครมะดีนะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันนี้
.
โดยบรรยากาศบริเวณจุดบริการน้ำมีญาติพี่น้องที่เดินทางมาส่งผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เข้ามารับน้ำดื่มอย่างคึกคัก ซึ่งมีทั้งในส่วนของน้ำเปล่าและน้ำอัดลมรวมถึงน้ำแข็งเพื่อลดความกระหาย คลายร้อนจากบรรยากาศที่อบอ้าว ขณะที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสได้เดินทักทายประชาชนบริเวณจุดบริการน้ำพร้อมเชิญชวนให้มารับน้ำดื่มได้ฟรี ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับกลุ่มญาติที่มาส่งผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ซึ่ง อบจ.เองได้ตั้งจุดบริการน้ำตั้งแต่เมื่อวานนี้ และในวันนี้เป็นวันสุดท้าย
.
อย่างไรก็ตามในโอกาสนี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสได้ร่วมเป็นเกียรติในพิธีส่งและอำนวยพรแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2565 (ฮ.ศ.1443) ซึ่งมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานด้วย พร้อมร่วมสวดดูอาร์ขอพรร่วมกับผู้เดินทางทั้งหมดในวันนี้ให้การเดินทางปลอดภัย สะดวก สบาย ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น รวมถึงได้ประกอบพิธีฮัจย์สำเร็จสมบูรณ์ดั่งใจที่หวังไว้ และจากนั้นได้เดินทักทายผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ก่อนที่จะเดินขึ้นเครื่องของสายการบินไทย
.
สำหรับในวันนี้มีผู้เดินทางไปทั้งหมด 286 คน ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินสุดท้ายที่ออกจากท่าอากาศยานนราธิวาส โดยการบินไทยได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 2 เที่ยวบิน แยกเป็นวันที่ 10 จำนวน 1 เที่ยวบิน และในวันนี้อีก 1 เที่ยวบิน

นโยบายคุกกี้ (Cookies Policy)

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ “นโยบายคุกกี้ (Cookies Policy)”